How to Play : ฉบับเข้าใจง่าย Legends of Runeterra เล่นไม่ยากอย่างที่คิด!

จากปีก่อนที่เราเคยได้ยินข่าว่า LOL หรือ  League of Legends กำลังจะมีเกมใหม่ในจักรวาลเดิมก็คือ Legends of Runeterra หรือ LoR ที่ Riot Game นำเสนอความแปลกใหม่ฉีกความเป็น MOBA มาเป็นเกมการ์ด TCG (Trading Card Game) และ Legends of Runeterra เกมการ์ดออนไลน์ตัวใหม่ล่าสุดของโลก

Legends of Runeterra เป็นเกมการ์ดแนวใหม่ที่มีวิธีการเล่นและรูปแบบการเล่นใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงไว้ด้วยความเป็น LOL โดยมีการ์ดตัวละครของ LOL และยังสามารถเพิ่ม Level ให้แก่พวกเขาได้ด้วย ทำให้ตัวเกมนั้นมีแทคติคที่หลากหลายไม่ซ้ำใคร และรูปแบบการเล่นยังไม่ซับซ้อนเกินไป หากใครสามารถเล่น Heartstone ได้ก็สามารถเล่น LoR ได้เช่นกัน

วิธีการเล่น

ในสนามจะแบ่งออกเป็น 2 แถว แถวปะทะและแถวพัก ทุกครั้งที่ร่ายการ์ดลงมาจะอยู่แถวพักก่อนเสมอ และการ์ดที่อยู่ในแถวพักก็อาจจะโดนโจมตีหรือเวทมนต์จากคู่ต่อสู้ได้ด้วย ต้องระวังไว้ และแน่นอนเราสามารถบัฟการ์ดเราที่อยู่ในแถวพักก่อนโจมตีได้เช่นกัน  และหลังจากทำอะไรเรียบร้อยแล้วให้จบ Phase หรือ เทิร์นได้ด้วยปุ่ม Pass


รูปแบบเกม
รูปแบบของเกมนี้จะแบ่งเป็น ฝ่ายรุก (Attack) และฝ่ายรับ (Defend) สลับกัน ฝ่ายรุกจะเป็นการวางการ์ดเพื่อโจมตี ฝ่ายรับจะต้องนำการ์ดมาตั้งบล็อคไว้ หากการ์ดใบไหนไม่สามารถบล็อคได้ ค่าพลังโจมตีของการ์ดใบนั้นจะมาหัก Life หรือ Nexus ของผู้เล่นออกไป เมื่อฝ่ายใด Life หรือ Nexus ลดเหลือ 0 ก็จะพ่ายแพ้ไป

รูปแบบเทริ์น
ในแต่ละเทิร์น (ทั้งฝั่งรุกและรับ) จะมีทั้งหมด 3 Phase (ช่วง) โดยแบ่งเป็นดังนี้
Phase 1 : ช่วง Summon 1 เราสามารถอัญเชิญการ์ดจากมือได้โดยใช้มานาร่าย  แต่การ์ดที่ร่ายลงมาจะอยู่ในแถวพัก(แถวหลัง) ยังไม่ปะทะ ช่วงนี้สำคัญมาก หากไม่มีการ์ดอยู่ในแถวพักจะไม่สามารถโจมตีหรือป้องกันได้เลย

Phase 2 : ช่วงปะทะ  สำหรับฝ่ายรุก ให้เลือกการ์ดที่อยู่ช่องพักออกมาวางช่องปะทะ(แถวหน้า) จะเป็นการโจมตี   สำหรับฝ่ายรับ  จะต้องนำการ์ดที่อยู่ในช่องพักออกมาบล็อคเอาไว้ ซึ่งสามารถนำการ์ดออกมาบล็อคได้ตามจำนวนการ์ดที่ฝ่ายรุกมาตั้งโจมตีเท่านั้น  เมื่อปะทะกัน ระบบจะหักค่าพลังชีวิตของการ์ดออกตามพลังโจมตีของการ์ดที่มาปะทะ เมื่อการ์ดใบไหนพลังชีวิตเหลือ 0  ก็จะถูกทำลายไปแต่ Nexus ผู้เล่นจะไม่ลด   แต่ถ้าการ์ดใบไหนที่ไม่ได้บล็อคจะถูกโจมตีเข้า Nexus ผู้เล่นโดยตรง  หลังปะทะเสร็จ การ์ดยูนิตตัวไหนยังไม่ตายก็จะกลับเข้าสู่แถวพัก

Phase 3: ช่วง Summon 2 ในช่วงนี้สามารถอัญเชิญการ์ดหรือร่ายการ์ดได้อีกครั้ง ก่อนจบเทิร์น  ซึ่งไม่สามารถปะทะกันได้แล้ว

การ์ด Spell : สำหรับเวทย์มนต์ในเกมนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ Burst , Speed และ Slow ซึ่ง Burst และ Speed จะสามารถร่ายตอนไหนก็ได้ เช่น ร่ายตอนฝ่ายรับหรือรุก  ส่วน Slow ไม่สามารถร่ายในช่วงตอนปะทะกันได้แต่คู่ต่อสู้จะไม่สามารถแก้ Spell ได้  ซึ่งหากร่ายแล้วมีผลตอนช่วงปะทะ ตัวเกมจะแสดงระบบว่าเวทย์จะโจมตีใครบัฟใคร เราสามารถร่ายเวทย์ซ้อนผลของมันได้ ยกเว้นประเภทเวทย์ Slow

Ability ของการ์ด : การ์ดคีเจอร์หลายๆใบมีความสามารถที่แตกต่างกัน ซึ่งมีทั้งมีผลตอนอัญเชิญ ตอนปะทะ ตอนบล็อค หรือตอนอยู่บนสนาม ซึ่งจะมีผลอย่างมากในเกมการต่อสู้ เล่นเพิ่มบาเรียให้การ์ดเราก่อนเข้าการปะทะ ทำให้ไม่ได้รับความเสียหายเลย หรือเรียกการ์ดใบอื่นลงสนามได้จะยิ่งได้เปรียบในการโจมตี

Level up: เอกลักษณ์ของเกม LoR เฉพาะการ์ด Champion เท่านั้นที่จะสามารถ Level up ได้ โดยดูจากความสามารถการ์ดในช่อง Level ซึ่งจะมีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน บางตัวแค่ลงไปปะทะก็จะเพิ่ม Level ได้ บางตัวต้องมียูนิตตัวอื่นอยู่บนสนามด้วย  ซึ่งเมื่อ Level up ได้จะเพิ่ม พลังโจมตี พลังชีวิต รวมถึงมีความสามารถใหม่ๆเพิ่มขึ้นด้วย แถมด้วยคัทซีนตอนอัพเลเวลแบบเท่ๆ

การจัด Deck : การจัดDeck ของเกมนี้จะสามารถจัดได้ทั้งหมด 40 ใบ โดยสามารถใส่การ์ด Champion ได้สูงสุด 6 ใบเท่านั้น โดยในแต่ละ Deck จะสามารถจัดสาย หรือ Regions ผสมกันได้เพียง 2 Regions เท่านั้นจาก 6 Regions (ไม่มีการ์ดฝ่ายกลาง)

โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเกมการ์ดใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งเกมเพลย์ที่แปลกใหม่เหมือนเป็นการนำเอาหลายๆเกมมาผสานรวมกัน และใส่ความเป็น LOL เข้าไปด้วยระบบ Level up ของ Champion และภาพกราฟฟิกที่คุ้นตาของเหล่าตัวละครจากโลก League of Legends  เอฟเฟ็กการ์ดที่ดูอลังการไม่แพ้ Heartstone เลย การ์ดแต่ละใบก็ทำดูมีรายละเอียด มีความสามารถที่แตกต่างกัน รวมถึงระบบการซ้อมกับ Ai และการใช้ Shard มาคราฟการ์ดได้ซึ่งทำให้ไม่ต้องเสียเงินซื้อการ์ดเลย และยังมีรางวัลที่ค่อนมากจึงทำให้เก็บการ์ดไม่ยากเย็นนัก นับว่าได้เป็นเกมการ์ดใหม่ที่น่าจับตาอยู่ไม่น้อย ซึ่งตัวเกมสามารถเล่นได้ทั้ง มือถือและ PC