[รีวิวเกม Steam] Dead Age 2ภาคต่อของเกม RPG เซอร์ไวเวอร์ที่ยอดเยี่ยม

ไหนๆก็เทศกาลฮาโลวีน ไรเตอร์จึงรีวิวเกมผีๆ ให้เข้ากับเทศกาลฮาโลวีนอีกซักเกมก็คือ Dead Age 2 ซึ่งหากใครเคยได้ยินชื่อ หรือเคยเล่น Dead Age มาก่อน ภาคนี้เป็นภาค 2 ซึ่งเนื้อเรื่องก็เชื่อมต่อกันเป๊ะๆ และยังมีการพัฒนาระบบเกม และระบบต่อสู้ให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ตัวเกมยังคงคอนเสปแนวเดิมคือ RPG-Turn Base : Survivor รวมการบริหารจัดการทรัพยากร และป้องกันฐานด้วย

สำหรับใครอยากลองหาภาค 1 มาเล่นดูรีวิวได้ด้านล่าง

สำหรับ Dead Age ภาค 2 ยังคงเป็นแนวเดิมคือ RPG-Turn Base และยังมีการบริหารจัดการฐานอยู่เหมือนเดิม เช่น จะให้ไปคราฟอะไร สร้างอะไร หรือส่งคนไปป้องกันฐาน เพราะอาจมีคนบุกมาปล้นได้ แนวเกมจึงเหมือนภาคแรกเลย ส่วนที่พัฒนาขึ้นมาก็คือระบบ Combat มี Skill ให้ใช้มากขึ้น รวมถึง Skill ที่ถูกแยกเป็น 3 สกิล Melee/Rang/Jobด้วย ส่วนเนื้อเรื่องจะต่อเนื่องจากภาคแรกเลย แต่ไทม์ไลน์ผ่านมาหลายปีแล้ว (เจอพระเอกภาคแรกด้วย) แต่ตัวเอกของเราคือตัวละครใหม่ นอกจากนี้จะเจอผู้รอดชีวิตมากขึ้น และผู้รอดชีวิตรวมกลุ่มกันแบ่งแยกเป็น 3 ฝ่าย นอกจากต้องเผชิญกับซอมบี้มากมายแล้ว เรายังต้องพัวพันกับการแบ่งพรรคแบ่งพวกของคน 3 กลุ่มด้วย แล้วเราจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย

วิธีการเล่น Dead Age เบื้องต้น

เริ่มจากสร้างตัวละครตัวเอก จะให้เลือก 4 หัวข้อได้แก่
– อาวุธระยะประชิด แบบทุบหรือมีคม (แนะนำแบบทุบ)
– Combat Skill เป็น Hunter หรือ Engineer
– ปืนแบบปืนพก หรือไรเฟิ่ล
– Job Skill มี Alertness (ยาม) ,Biology (คราฟยา) ,Handywork (คราฟอุปกรณ์) และ Survival (หาอาหาร)

ส่วนเมนู Upgradeแต้มพิเศษอัพเกรด Status ของตัวเอกเพิ่มได้ ซึ่งแต้มพิเศษมาจาก การได้ตราความสำเร็จในเกม หมายความว่ายิ่งเล่นแล้วแพ้บ่อย รอบต่อไปเราจะมีแต้มมาอัพ Status ตัวเอกให้เก่งขึ้นได้

การต่อสู้

การต่อสู้ของภาค 2 ได้ถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นจากภาคแรก โดยภาคนี้จะเน้นการใช้ตำแหน่งยืน ซึ่งจะมี 2 แถว หน้าและหลัง (ปรับตำแหน่งได้มุมบนซ้าย) โดยตำแหน่งหน้าจะใช้อาวุธประเภท Melee ได้ และจะโจมตีได้กับศัตรูที่อยู่หน้าสุดเท่านั้น แต่ถ้าใช้ปืนจะยิงได้แต่ตำแหน่งหลัง ส่วนตำแหน่งหลังใช้ได้แต่ปืนยิงได้ทุกตำแหน่ง ศัตรูก็เช่นกัน ต้องย้ายตำแหน่งมาหน้าสุดจึงจะโจมตีแบบประชิดได้ ดังนั้นภาคนี้จึงมีลูกเล่นที่การโจมตีแบบ Knock Back ผลักศัตรูถอยหลังไปได้ และหากมีตัวละครอยู่ด้านหลังจะได้รับการเสียหายจากการกระแทกแบบ Knock Back เข้าไปอีก

เมนูการต่อสู้จะเพิ่มเป็น 2 แถว (อย่าพึ่งมึน) โดยจะแบ่งดังนี้

– เมนูโจมตีระยะประชิด(เปลี่ยนตามอาวุธ) ได้แก่ Blunt/Bladed
– Hunting : สกิลของอาชีพนักล่า (ถ้าไม่ได้อัพจะใช้ไม่ได้)
– Switch Row : สลับตำแหน่ง หน้า-หลัง
– Medicine : ใช้ยา
– เมนูโจมตีด้วยปืน (เปลี่ยนตามอาวุธ) ได้แก่ Pistol/Rifile/Shortgun
– Engineer : สกิลของอาชีพเอนจิเนีย (ถ้าไม่ได้อัพจะใช้ไม่ได้)
– Ammuntion : เปลี่ยนกระสุน
– Inventory : ใช้ไอเทม

การต่อสู้จะใช้ AP เหมือนเดิม โดยเริ่มเทิร์นจะได้ 2 AP เราสามารถโจมตีหรือใช้สกิลได้ภายใน 2 AP แต่ถ้าผ่านเทิร์นหรือใช้ไม่หมด จะสามารถสะสม AP ไว้ใช้เทิร์นต่อไปได้สูงสุด 4 AP

Skill

เกมนี้แยกสกิลเป็น3 ส่วนคือ

Melee/Support : สกิลระยะประชิด เช่น ทุบ(Blunt) อาวุธมีคม(Blade) ,Engineer (สกิลช่างกล) และ Hunting (สกิลนักล่า) เมื่ออัพสกิลได้ในระดับหนึ่งจะได้ Skill ไว้ใช้งานตอนสู้ได้ ทุกคนสามารถอัพได้ ใครอัพไว้ก็ใช้สกิลนั้นได้
Rang Combat : สกิลปืน แยกเป็น Pistol ,Shotgun และ Rifle แนะนำเลือกแค่อันเดียว
Jobs : สกิลอาชีพไว้ผ่านอีเว้น หรือเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ต่างๆในเกม หรือใช้ในการเก็บ/สร้างทรัพยากรที่ฐานได้ Survival(ล่าเนื้อ) ,Handywork(คราฟอุปกรณ์) ,Biology(คราฟยาและปลูกผัก) และ Alertness (เฝ้ายาม)

แนวทางการเล่น

– ตัวเอกตาย เกมโอเวอร์ทันที
– ช่วงแรกค่อนข้างยาก พระเอกค่อนข้างอ่อนแอ แต่ถ้าเล่นใหม่หลายๆรอบจะอัพเกรดตัวเอกให้เก่งขึ้นได้
– สายประชิด Blunt โจมตีใส่ตัวมีเกราะค่อนข้างดี แถมโจมตีแบบสตั้นและ Knock back ได้ ส่วน Blade โจมตีได้รุนแรงมาก แต่ถ้าเจอตัวเกราะจะโจมตีเบามาก และ Knock back ได้เหมือนกัน
– สายปืน ปืนสั้นเบาแต่มีสตั้น ช็อตกัน Knock back ได้ และ Rifle ยิงแรงและกระจายได้
– ใน 1 ทีมควรมีทั้ง Hunting และ Engineer สกิล Hunting เรียกสัตว์ช่วยสู้และวางกับดักได้ ส่วน Engineer สามารถปาระเบิดต่างๆ ช่วยสตั้น Knock back หรือเรียกป้อมปืนมาช่วยได้
– หากซอมบี้มีเกราะอมตะ (โดนโจมตีทีละ 1) ให้ปาระเบิดของ Engineer แบบไหนก็ได้ใส่ เกราะจะหายทันที
– Knock back เป็นส่วนสำคัญมาก ที่ช่วยสกัดไม่ให้ศัตรูโจมตีระยะประชิด (หนักมาก) แถมยังสร้างความเสียหายได้มากขึ้นหากมีซอมบี้อีกตัวอยู่ด้านหลัง
– ช่วงแรกจะมีแค่ 3 คน แต่ Tessa ติดเชื้อ ทำให้เหลือแค่ 2 คน จะเล่นยากพอควร ซึ่งต้องไปหาวัคซีนมาช่วยรักษา
– การเดินบนแผนที่ : เมื่อออกมาหน้าแผนที่จะมีเวลาในการเดินทาง-สำรวจ 8ชั่วโมง ทุกๆการเดิน 1 จุดจะใช้เวลา 30 นาที เมื่อเวลาหมดจะต้องกลับฐานอัตโนมัติ
– ในเกมจะมีทั้งหมด 3 ฝ่าย Smugglers ,Independents ,และ U.S. Army สามารถไปยังฐานเพื่อรับเควสรองได้

– การเล่นจะดำเนินไปตาม Story Quest ส่วน Job Quest เป็นเควสย่อยของแต่ละฝ่าย สามารถไปฐานเพื่อรับได้(เป็นเควสกำหนดเวลา)
– ช่วงแรกเงินอาจจะขาดมือและไอเทมขาดเยอะ ค่อยๆฟาร์มไอเทมจนหมดเวลาค่อยกลับแคมป์
– หลังจากเล่นไปซักพักจะมีกลุ่มซอมบี้ขนาดใหญ่บุกเข้ามาโจมตี รับมือให้ดีล่ะ
– ในแผนที่ อาจจะเจออีเวนท์อื่นๆ ซึ่งจะต้องใช้สกิลในการแก้ไขสถานการณ์เช่น Survival , Alertness หรือ Strength ซึ่งหากมีค่ามากพอก็จะแก้ไขสถานการณ์นั้นๆ รับ XP และ ไอเทมได้ แต่หากไม่พอก็อาจจะเจอกับเหตุการณ์สุดเลวร้าย เช่น ทัพซอมบี้มหึมา

สำหรับภาค 2 นี้ค่อนข้างหนักไปทางเนื้อเรื่อง มีทั้งเควสหลัก เควสแคมป์ เควสรอง และภาคนี้จะเจอผู้รอดชีวิตบ่อยมากขึ้น อาจจะเจอแบบขอความช่วยเหลือ หรือมาปล้น นอกจากนี้ยังมีระบบ Arena เพิ่มเข้ามา(เข้าได้ที่ฝ่าย Sumugglers) การตัดสินใจต่างๆล้วนมีผลต่อเนื้อเรื่อง โดยรวมแล้วภาค 2 ก็ถือว่าไม่ได้พัฒนาจากภาคแรกเท่าไหร่ แค่เพิ่มระบบ Combat และเนื้อเรื่องที่ดราม่ามากขึ้น ภาพก็ยังไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก อ้อเนื้อเรื่องอาจจะใช้เวลาเล่นนานขึ้นเพราะแผนที่กว้างขึ้นมากและมีฉากจบหลายแบบ ใครที่ประทับใจภาค 1 ก็ยังคงแนะนำเล่นต่อภาค ส่วนใครไม่เคยเล่นแต่ชอบแนว RPG – Turn Base ก็แนะนำเหมือนกัน เพราะเกมนี้ลดราคา 77% เหลือ 61 บาท เล่นเพลินๆ ถือว่าคุ้มค่าในราคานี้ (ถ้าไม่ลดต่ำกว่า 50% ไม่ควรซื้อ)

ภาพรวม : ★ ★ ★ ☆
เนื้อเรื่อง : ★ ★ ★
ภาพ : ★ ★ ★
ระบบเกม : ★ ★ ★
ความคุ้มค่า : ★ ★ ★ ★